หน้าหนาวมาเยือนประเทศไทยแล้ว ฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือมาถึงสักที

ครั้งนี้เราเลือกไปที่ แม่ฮ่องสอน อ.ปาย ครับ น่าจะ 6 - 7 ปีแล้วแหละ ที่เคยมาครั้งก่อน

ตอนนั้น " ปาย " ก็เป็นที่รู้จักบ้างแล้วแหละ ในหมู่นักท่องเที่ยว แต่คงยังไม่มากเท่าปัจจุบัน

กลิ่นไอ ความเป็นเมืองแห่งสายหมอก จะยังคงฉายานั้นอยู่หรือไม่

และอีดเรื่องที่อยากรู้มั๊กกกกกมากกกก คือ อากาศจะหนาวรึเปล่า 55555555

ได้ข่าวมาก่อนเดินทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ว่าร้อนเท่ากรุงเทพเลย ห๊าาาาห็าาาหาาาาาา

.

.

.

.

.

ถ้าอ่านแล้วถูกใจ กดLikeเพจให้ด้วยนะครับ :- )))

PageFacebook : https://www.facebook.com/Workingdaysareover

.

.

.

.

.

...................................................

เรานั่งรถตู้จากเชียงใหม่ บริษัทดังเจ้าเก่าเลยฮะ ฝ่าฟันโค้งมากมายกว่าจะได้มาสัมผัสอากาศหนาวที่นี่
เราเลือกรถตู้รอบ 11.00น. เพื่อหวังว่าจะไปถึงปายไม่เย็นมากนัก
จะได้มีเวลาเผื่อขับมอเตอร์ไซด์เที่ยวเย็นวันนี้อีกนิดหน่อย
เรามาถึงประมาณบ่ายโฒง บ่ายสองครับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่มโมง ก็ถึงแล้วฮะ

พอลงรถปุ๊บก็ตรงดิ่งเข้าไปหามอเตอร์ไซด์ทันที ราคาก็อยู่ราวๆ 3 - 4ร้อยบาท แล้วแต่รุ่นด้วยแหละฮะ
เราตรงไปที่พระธาตุแมม่เย็นเป็นที่แรก เพราะอยู่ใกล้ที่สุดที่จะไปทันพระอาทิตย์ตกในเย็นวันนั้น
เรายังจำได้เลย สมัยเมื่อ 6 - 7 ปีที่แล้ว วัดตรงนี้ยังเป็นพื้นที่โล่งอยู่เลย
แต่วันนี้ดันกลายเป็นสถานที่ที่ใครๆก็ต้องมาไปซะละ

Advertisementshopee

พอตกเย็นก็ได้เวลาแห่งการเดินถนนคนเดินของที่นี่กันแล้ว
สถานที่ที่ใครๆก็ต่างอยากมาเดินกันนักหนา อุตส่านั่งเครื่องบินข้ามฟากมาไกล
นั่งรถตู้วนโค้งจนเกือบอ๊วก เพื่อจะมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ให้ได้สักครั้ง
วันที่เราไป คือ คืนวันที่ 11 ธันวาคม คนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะเพิ่งผ่านวันหยุดยาวไปนั่นเอง

Advertisement

ของที่วางขายก็จะเป็นพวกของhandmade ทำเอง ราคาถูก
มันคงจะเพราะด้วยบรรยากาศแหละมั้ง ที่ทำให้ของพวกนี้ดูมีค่าดูมีราคาขึ้นมาทันตาเห็น

โปรแกรมเช้าวันรุ่งขึ้นนี่ แน่นเอี๊ยดเลยฮะ หลังจากหาข้าวกินกันเสร็จสับ
เราก็เดินทางไปที่จุดหมายแรกเลย คือ สะพานโขกู้โส่ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่าสะพานบุญ
สร้างเชื่อมระหว่างหมู่บ้านแพมบกและวัดห้วยคายคีรี มีจุดประสงค์หลักคือเพื่อ
ให้พระสงฆ์ข้ามมาบิณฑบาตในตอนเช้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องเหยียบย่ำพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน
แตาดันกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นที่สวยงามไปเรียบร้อยแล้ว
เราขับรถออกจากถนนคนเดิน ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร อากาศนี่เย็นใช้ได้เลย

สถานที่ถัดมา คือ หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว
ที่นี่เป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว ที่น่าจะเดินทางเข้าไปได้สะดวกที่สุดเลยก็ว่าได้
คือห่างจากถนนคนเดินประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
นี่จะมีบ้านของชาวกระเหรี่ยงอยู่รวมกันประมาณ 10 - 20 หลังคาเรือน
ประกอบอาชีพ ทอผ้า ค้าขายทั่วไป แถมยังมีที่พักให้ฝรั่งเข้ามาเช่าอีกด้วย
เรียกว่ากระเหรี่ยงแบบพัฒนาแล้วก็ว่าได้

ได้เวลาอาหารกลางวัน เราไปรำลึกความหลังที่ หมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน บ้านสันติชล
เป็นร้านอาหารของชุมชนที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ รสชาดก็ยังไม่เคยเปลี่ยน
เราสั่งอาหาร 3 4 อย่าง ขาหมู ลาภเหนือ และซาลาเปาทอด
หลังจากกินอิ่มเรียบร้อย ก็มีคิวจองขี่ช้างไว้ที่ Thom’s Pai Elephant Camp
ที่นี่เป็นการขี่ช้างแบบขี่ช้างจริงๆเลยแหละ เราเชื่อว่าหลายคนไม่เคยนั่งช้างแบบนี้แน่ๆ
ที่นี่นั่งช้างแบบไม่มีที่นั่งเลยฮะ นั่งบนตัวช้างแบบแนบชิดกันไปเลย
ทั้งสนุก ทั้งกลัว เจ้าช้างนี่ก็คอยเล็มกินหญ้าตลอดทาง
ประสบการณ์การใหม่ที่เราได้พบเจอเลยแหละ ในราคาเพียงคนละ 400 บาท เท่านั้นเอง

สถานที่ถัดมา ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้วแหละครับ ที่นี่คือ village farm
ที่นี่มีลักษณคล้ายๆสวนสัตว์เล็กๆ เลี้ยงสัตว์เล็กๆน่ารักๆ รวมไปถึงสัตว์แปลกๆบางชนิด
มีสวนปลูกผลไม้ชนิดต่างที่ เราเรียกที่นี่ง่ายว่า สวนผสม แล้วกันนะ
เพราะมันผสมๆหลายๆอย่างแบบน่ารักสุดๆ

[img]https://f.ptcdn.info/337/055/000/p1h2remkpecBOQdQtOK-o.jp[/center]g[/img]

เที่ยวกันมาทั้งวัน เพราะอาทิตย์ก็เตรียมจะหนีเราไปอีกแล้ว
รูปเซ็ตนี้เราเอาทิวทัศน์ของเมืองปาย มาฝากรวมๆปแล้วกันนะครับ

ตกเย็นเราได้ไปเดินถนนคนเดินอีกครั้ง
ก็เก็บภาพบรรยกากาศมาฝากแหละครับ อาการแปลกๆหลายๆอย่างก็ยังมีให้เห็นอยู่
บางอย่างเราไม่เคยกิน ก็แปลกดีเหมือนกัน

เราว่าใครมาที่นี่ก็คงต้องหลงมนต์เสน่ เมืองในสายหมอก แน่นอน

เพราะไม่ว่าสถานที่ ผู้คน ถนนหนทาง ต่างก็มีเสน่ห์ในตัวของมันเองทั้งสิ้น

วันนี้เมือง ปาย ได้รับความเจริญมากขึ้น มีรีสอร์ทเปิดตัวกันมากมาย

ถึงกลิ่นไอความดิบ ของพื้นที่จะหายไปบ้าง

แต่เราว่า ความเป็นเมืองปาย ก็ยังคงเส้นคงวา อ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ

ที่พร้อมจะมาเยือน เมื่ออากาศหนาวมาถึง

.

.

.

ถ้าอ่านแล้วถูกใจ กดLikeเพจให้ด้วยนะครับ :- )))

PageFacebook : https://www.facebook.com/Workingdaysareover

.

.

.

ปล.ติชมได้นะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ



.........................................................

ความคิดเห็น